ไหนว่ายกเลิกVIP แล้วไง จนท.ทูตเอสโตเนีย ลงเครื่องไทย โผล่ขอพักคอนโดหรู

ไหนว่ายกเลิกVIP.แล้วไง?! จนท.ทูตเอสโตเนีย ลงเครื่องไทย โผล่ขอพักคอนโดหรู สุขุมวิท อ้างสิทธิทางการทูต

เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาเกิดกรณี เจ้าหน้าที่ของสถานทูตเอสโตเนีย 1 คน ที่เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ พยายามขอเข้าพัก คอนโดหรู มิลเลนเนี่ยม เรสซิเดนซ์ ย่านสุขุมวิท โดนอ้างสิทธิทางการทูต

แต่เจ้าหน้าที่ของคอนโดปฏิเสธการให้เข้าพัก เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูกบ้านจากเชื้อโควิด-19 หลังเกิดกรณีทหารอียิปต์ และ อุปทูตซูดาน ประกอบกับจากกรณีดังกล่าว ศบค. แถลงชัดว่า จะไม่อนุญาตสิทธิพิเศษ ให้บุคคลใดเข้ามาโดยไม่ต้องกักตัวอีก

ทั้งนี้ทางสถานทูตเอสโตเนีย ได้พยายามเจรจาโดยนำผลตรวจจากประเทศต้นทาง และ ผลตรวจที่สุวรรณภูมิมายืนยัน และอ้างเอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่รายดังกล่าว กักตัวเองเป็นเวลา14 วัน โดยระหว่างการเจรจาทางคอนโดไม่อนุญาตให้บุคคลดังกล่าวลงจากรถ รวมถึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักงานเขตคลองเตยเข้ามาดูแลเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย

นางนาตาชา รอยส์ รองประธานกรรมการ บริษัทที่บริหารพื้นที่นิติบุคคล เปิดเผยว่า ห้องพักที่มีการเช่าไว้ เป็นการเช่าในนามบุคคล ไม่ใช่ในนามสถานทูต จึงได้พยายามเจรจาแล้วแต่ตัวแทนของสถานทูตไม่ยินยอม มีการอ้างเอกสิทธิ์ทางการทูต ทำให้ต้องประสานไปยัง ศบค. แต่กลับได้รับการแจ้งจาก ศบค. ให้ประสานไปยังสถานทูตเอง เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างคอนโด และ สถานทูต

จากปัญหาที่เกิดขึ้นมีการเจราจาอยู่หลายชั่วโมง ก่อนจะได้ยุติ ในช่วง 22.00น.โดยกระทรวงการต่างประเทศ ได้ประสานกับ ผู้แทนสถานทูตเอสโตเนีย ก่อนจะยินยอมที่จะย้ายไปพักยังสถานที่ state quarantine ที่กระทรวงการต่างประเทศจัดไว้ให้

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ทำให้รัฐบาลไทยถูกตั้งคำถามถึงการบริหารจัดการอีกครั้งทั้งที่ประกาศชัดเจนว่าได้ยกเลิกสิทธิการยกเว้นบุคคลพิเศษเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว

แต่ในเอกสารที่ทางสถานทูต ใช้อ้างอิงขอเข้าพัก เป็นหนังสือเวียนของ กระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือแจ้งไปทุกสถานทูตเมื่อ วันที่ 14 ก.ค. โดยระบุว่า คณะทูตคณะกงสุล องค์กระหว่างประเทศ หรือผู้แทนรัฐบาลที่มาปฏิบัติงานในประเทศไทย เมื่อถึงไทย จะต้องแยกกักตัวเอง 14 วัน รวมถึงต้องรอผลตรวจโควิดที่สนามบินก่อน แต่เอกสารดังกล่าวไม่ได้มีมาตรการบังคับโดยเด็ดขาด เหมือนอย่างที่ ศบค. แถลง